หนอนคืบกะหล่ำ
หนอนคืบกะหล่ำ (cabbage looper)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Trichoplusia ni (Hbner)
วงศ์ Noctuidae
อันดับ Lepidoptera
ความสำคัญและลักษณะการทำลาย
หนอนคืบกะหล่ำเป็นหนอนขนาดกลางกินจุ ในระยะแรกตัวหนอนจะกัดกินที่ผิวใบ เมื่อตัวหนอนโตขึ้นจะกัดกินใบทำให้เปนรอยแหว่งเหลือแต่ก้านใบ แมลงชนิดนี้จะทำลายโดยการกัดกินใบเป็นส่วนใหญ่ และการทำลายเป็นไปอย่างรวดเร็ว พบตามแหล่งปลกทั่วๆ ไปในประเทศไทยในภาคกลางที่จังหวัด ราชบุรี นครปฐม กรุงเทพฯ ปทุมธานี เพชรบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครนายก ชัยนาท ประจวบคีรีขันธ์ ฉะเชิงเทรา ส่วนใหญ่จะระบาดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม
รูปร่างลักษณะและชีวประวัติ
แม่ผีเสื้อวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆ สีขาวนวล หรือเหลืองอ่อนตามใต้ใบ มีลักษณะคล้ายฝาชีตรงกลางมีรอยบุ๋ม มีผิวเป็นมัน ขนาดของไข่ประมาณ 0.5-0.6 มม. ระยะไข่ 3-4 วัน ตัวหนอนโตเต็มที่มีสีเขียวอ่อน ความยาว 2.5-3.5 ซม.หัวเล็ก ลำตัวแบ่งออกเป็นปล้องชัดเจน และมีขนปกคลุมกระจายทั่วไปใกล้ ๆ กับสันหลัง ลำตัวมีแถบสีขาว
2 แถบขนานกัน เคลื่อนตัวโดยการงอตัวและคืบไป ระยะหนอน 14-21 วัน เข้าดักแด้ภายในรังสีขาวตามใต้ใบพืช ดักแด้จะมีสีเขียวในระยะแรกและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ขนาดดักแด้ประมาณ 2 ซม. อายุดักแด้ประมาณ 5-7 วัน ตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อขนาดกลาง เมื่อกางปีกกว้างประมาณ 2.7-3 ซม. ปีกคู่หน้าสีน้าตาลแก่ปนเทา รอบๆ ปลายปีกมีสีน้ำตาลแก่ และปลายสุดของปีกจะมีสีขาว ส่วนท้องปกคลุมด้วยขนสีขาวปนเทา อายุตัวเต็มวัย 8-10 วัน เพศเมียสามารถวางไข่ได้ประมาณ 400-1,150 ฟอง เพศผู้สามรถผสมพันธุ์ได้หลายครั้ง ส่วนเพศเมียผสมพันธุ์ได้ครั้งเดียว
พืชอาหาร
พืชผักตระกูลกะหล่ำ เช่น ผักคะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักกวางตุ้ง ผักกาดขาวปลี ผักกาดเขียวปลี ผักกาดหัว เป็นต้น
ศัตรูธรรมชาติ
หนอนคืบกะหล่ำ มีแตนเบียนทำลายหนอนอยู่ 2 ขนิด คือ แตนเบียนหนอน Apanteles sp. และ Brachymeria sp. นอกจากนี้ยังมีเชื้อแบคทีเรีย Bacillus thuringensis Berliner ซึ่งสามารถทำลายหนอนคืบกะหล่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การป้องกันกำจัด
- การใช้โรงเรือนตาข่ายไนล่อน หรือการปลูกผักกางมุ้ง
- การใช้เชื้อแบคทีเรีย (บาซิลลัส ทูริงเยนซิส) ที่มีจำหน่ายเป็นการค้า ได้แก่ Bacillus thuringiensis subsp. aizawai เช่น เซนทรี และ ฟลอร์แบค ดับบลิวดีจี เป็นต้น Bacillus thuringiensis subsp.kurstaki เช่นเดิลฟิน และแบคโทสปิน เอ็ชพี เป็นต้น 3
- การใช้สารฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพป้องกันกำจัด เช่น แลมบ์ดาไซฮาโลทริน (คาราเต้ 2.5 อีซี 5% อีซี) หรือ เดลทาเมทริน (เดซีส 3.3 % อีซี ) หรือ คลอฟลูอาซูรอน (อาทาบรอน 5 % อีซี) อัตรา 30 ,20 และ 40 มล./น้ำ 20 ลิตร ตามลำดับ
By สัจจะ ประสงค์ทรัพย์ (Satja Prasongsap)
Professional Research Scientist
Horticulture Research Institute
E-mail : herbdoa@gmail.com
Category: ศัตรูพืช, แมลงศัตรูพืช