banner ad

GAP มะลิ

| December 20, 2013

GAP มะลิ

ชื่อวิทยาศาสตร์ Jasminum sambac (L.) Aiton

ชื่อสามัญ Jasmine

ชื่อวงศ์ OLEACEAE

ชื่ออื่น มะลิขี้ไก่ เตียมูน มะลิลา ข้าวแตก

1.ลักษณะของพืช พืชใบเลี้ยงคู่ เป็นพุ่ม ไม้เลื้อย และ/หรือไม้รอเลื้อย ใบมีทั้งใบเดี่ยวและใบรวม การเรียงตัวของใบมีทั้งแบบใบอยู่ตรงกันข้าม ใบแบบสลับกัน ดอกมีสีขาว กลีบดอกมีชั้นเดียวหรือหลายชั้น เป็นดอกเดี่ยวและดอกช่อ ดอกจะออกจากยอดหรือข้างกิ่งส่วนมากมีกลีบเลี้ยง4-9 กลีบ กลีบดอกมี 4-9 กลีบ

2. สภาพพื้นที่ปลูก มะลิชอบดินร่วนซุยมีการระบายน้ำดี มีอินทรียวัตถุและธาตุอาหารสมบูรณ์ และมีค่าความเป็นกรด-ด่างประมาณ 6.0-7.0 หากดินมีความสมบูรณ์ต่ำ ควรมีการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ และพื้นที่ปลูกมะลิต้องเป็นที่โล่งแจ้ง เพราะมะลิต้องการแสงแดดมาก เพื่อให้ออกดอกตามต้องการได้

3. พันธุ์

3.1 การเลือกพันธุ์ : เลือกกิ่งพันธุ์ที่เป็นกิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อน

3.2 พันธุ์ที่นิยมปลูก : พันธุ์มะลิลา ได้แก่ พันธุ์แม่กลอง พันธุ์ราษฎร์บูรณะ พันธุ์ชุมพร

4. การปลูก

4.1 การเตรียมดิน : ไถพรวนแล้วใส่ปุ๋ยคอก ขุดหลุมลึก กว้างและยาว ด้านละ 50 ซม.ปรับปรุงดินโดยใช้ดิน+ปุ๋ยคอก+ใบไม้ผุ อัตราส่วน 1:1:1 พร้อมกับเติมปุ๋ยสูตร 15-15-15 และ 46-0-0 (ซุปเปอร์ฟอสเฟต) อย่างละ 1 กำมือ คลุกเคล้าทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วใส่กลับลงไปในหลุมใหม่

4.2 การเตรียมพันธุ์ : ตัดกิ่งพันธุ์ให้มีความยาวประมาณ 4 นิ้วหรือมีข้ออย่างน้อย 3 ข้อ ตัดใบออกให้เหลือเพียง 2 ใบ นำกิ่งมะลิไปจุ่มในฮอร์โมน IBA (Indole Butyric Acid) และ NAA (Naphthalene Acetic Acid) ในอัตราส่วน 1:1 ความเข้มข้น 4,500 ppm. นำปักชำลงในภาชนะเพาะ รากจะออกภายใน 3 อาทิตย์ นำไปปลูกในถุงขนาด 2×3 นิ้ว โดยใส่ดิน+ขุยมะพร้าว+ปุ๋ยคอก อัตรา 3:1:1 จนต้นมะลิแข็งแรงดี แล้วจึงนำไปปลูกต่อไป

4.3 วิธีการปลูก : นำต้นมะลิที่ได้เตรียมไว้แล้วลงปลูกในดิน จากนั้นกลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม

5. การดูแลรักษา

5.1 การให้น้ำ มะลิต้องการน้ำพอสมควร หากดิน

ยังแฉะอยู่ไม่ควรรดน้ำ ควรรอจนกว่าดินจะแห้งหมาดเสียก่อน

ทั้งนี้อาจให้น้ำวันละครั้งหรือสองวันครั้งหรืออาทิตย์ละครั้งก็ได้

โดยให้ในตอนเช้าแต่ระวังอย่าให้น้ำท่วมหรือขังอยู่ในแปลงนานๆ เพราะจะทำให้มะลิใบเหลือง แคระแกรน และตายได้

5.2 การใส่ปุ๋ย สูตรเสมอ เช่น 15-15-15, 16-16-16 อัตราขึ้นอยู่กับขนาดทรงพุ่ม หรือใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ใส่เดือนละครั้ง โดยการหว่านและรดน้ำตามด้วย นอกจากนี้ยังใส่ปุ๋ยน้ำ เช่น ไบโฟลาน ผสมฉีดไปพร้อมกับสารเคมีด้วยแต่ไม่นิยมใช้ในฤดูหนาว

5.3 การกำจัดวัชพืช ทำการกำจัดวัชพืชรอบๆ ต้นมะลิโดยการใช้จอบถางออก หรือใช้มือถอน

5.4 โรคและแมลง

1. โรครากเน่า รากจะเน่าเปื่อยและมีเส้นใยสีขาว การป้องกันกำจัด ต้นที่เป็นโรคให้ถอนต้นและดินในหลุมไปเผาไฟ แล้วใช้ปูนขาวราดลงดิน

2. โรคแอนแทรคโนส พบจุดสีน้ำตาลอ่อน บนใบขอบแผลเป็นสีน้ำตาลแก่เห็นเด่นชัด แผลจะขยายลุกลามออกไป และมีลักษณะเป็นวงซ้อนกัน

3. โรครากปม ต้นจะแสดงอาการขาดธาตุอาหาร เนื่องจากไส้เดือนฝอยจะไปอุดท่อน้ำท่ออาหารไว้เมื่อถอนต้นดูจะพบว่าที่รากมีปมเล็กๆอยู่ทั่วไป ถ้าเฉือนปมนี้ดูจะพบถุงสีขาวเล็กๆ ขนาดเมล็ดผักกาดฝังอยู่ การป้องกันกำจัด ปลูกมะลิสลับกับพืชอื่น และใส่ปุ๋ยอินทรีย์มากขึ้น

4. หนอนเจาะดอก ลักษณะลำตัวสีเขียวขนาดเล็ก ปากหรือหัวดำ ระบาดมากดูฝน โดยการกัดกินดอกทำให้ดอกผิดรูปร่างไป เป็นแผล เป็นรู

5. หนอนกินใบ ระบาดมากในฤดูฝน โดยจะพับใบมะลิเข้าด้วยกัน แล้วซ่อนตัวอยู่ในนั้น และจะกัดกินทำลายใบไปด้วย

6. หนอนเจาะลำต้น จะทำลายโดยการเจาะลำต้น ทำให้ต้นแห้งตาย อาการเริ่มแรกจะมีใบเหลืองและหลุดร่วง ตรงบริเวณโคนต้นจะมีขลุยไม้ที่เกิดจากการกัดกินของตัวหนอนกองอยู่เห็นได้ชัด การป้องกันกำจัด ถ้าพบต้องรีบทำลายโดยทันที โดยการถอนต้นมะลิและทำลายตัวหนอนเสีย

7. เพลี้ยไฟ ดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบและดอก ทำให้ส่วนที่ถูกทำลาย หงิกงอ แคระแกรน เสียรูปทรง

6. การเก็บเกี่ยว

6.1 ระยะเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม : : การเก็บเกี่ยวดอกมะลิต้องเก็บขณะดอกยังตูมอยู่ มีความเจริญเต็มที่ มีลักษณะสีขาวนวล ดอกมะลิที่ใช้ทำยาจะใช้ดอกที่เริ่มบาน จึงต้องเก็บล่วงหน้าก่อนดอกจะบาน 1 วัน มะลิลาเริ่มเก็บผลผลิตเมื่ออายุ 4-5 เดือน และจะให้ผลผลิตสูงในช่วง 1-3 ปี ปริมาณเฉลี่ย 3,000 กิโลกรัมต่อไร่ หลังจากนั้นผลผลิตจะเริ่มลดลงเรื่อยๆ

6.2 วิธีการเก็บเกี่ยว ใช้มือเด็ดตรงก้านดอกใต้กลีบเลี้ยง ให้มีกลิบเลี้ยงติดมาด้วยจะทำให้มะลิคงความสดได้นาน

7. การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวและเก็บรักษา

7.1 การแปรรูปหลังการเก็บเกี่ยว : ดอกมะลิแห้งเพื่อใช้ทำยา ให้นำมาล้างให้สะอาด และผึ่งให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำมาเกลี่ยบนกระด้ง คลุมด้วยผ้าขาวบาง เพื่อกันฝุ่นละออง แล้วนำไปตากให้แห้งในที่ร่ม หรืออบที่อุณหภูมิ 40-45 องศาเซลเซียส จนแห้งสนิท และเกลี่ยบ่อยๆ จะช่วยให้ดอกแห้งเร็วขึ้น

7.2 การเก็บรักษา :

- ดอกมะลิสด เป็นสมุนไพรไม้หอม และสกัดน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีขั้นตอนการปฏิบัติ เพื่อรักษาความสด และลดความเสียหาย ด้วยความเย็นจากน้ำแข็ง หรือ ด้วยน้ำเย็นอุณหภูมิประมาณ23 องศาเซลเซียสจนดอกสดแข็ง แล้วบรรจุดอกมะลิในถุงพลาสติก และใช้น้ำแข็งรองพื้น และปูทับถุงมะลิ เก็บรักษาไว้ได้ 11 ชั่วโมง

- ดอกแห้ง เก็บในภาชนะที่มีฝาปิดสนิทป้องกันไม่ให้ดูดความชื้นเพิ่มขึ้น และไม่ให้กลิ่นหอมระเหยออกไป

- เขียนฉลากปิดถุงให้เรียบร้อย

- นำเข้าจัดเก็บที่ห้องที่มีอากาศถ่ายเทดี ป้องกันการกระทบแสงแดด และระวังไม่ให้มีเชื้อราหรือแมลงเข้าทำลาย ทำให้คุณภาพลดลง

 

8. สุขลักษณะและความสะอาด

- ควรรักษาแปลงปลูกสมุนไพรให้ถูกสุขลักษณะและสะอาดอยู่เสมอ

- กำจัดวัชพืช เพื่อไม่ให้แข่งขันกับพืชหลัก หรือเป็นแหล่งเพาะศัตรูพืชซึ่งอาจติดไปกับผลผลิต

- หลังการตัดแต่ง ควรนำเศษพืชไปทิ้งนอกแปลง หรือทำลายเสีย

- หลังการพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ต้องทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้เผากำจัดวัสดุเหลือใช้ และกำจัดภาชนะบรรจุให้ถูกวิธี

- เก็บรักษาวัสดุทางการเกษตร เช่น ปุ๋ย สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช เครื่องมือ เครื่องใช้ ในการทำการเกษตรกรรมให้เรียบร้อยปลอดภัย อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน

9. การบันทึกข้อมูล

ในการผลิตเกษตรดีที่เหมาะสมของมะลิ ควรมีการบันทึกข้อมูลการปฏิบัติในขั้นตอนการผลิตต่าง ๆ เพื่อสามารถนำไปใช้ในการตรวจสอบวิธีการผลิตได้โดยเฉพาะการนำไปใช้เป็นวัตถุดิบคือสารออกฤทธิ์ ดังนั้นการบันทึกข้อมูลจะเป็นสิ่งที่ช่วยในการผลิตวัตถุดิบให้ได้สารออกฤทธิ์ที่มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานและหากมีข้อผิดพลาดหรือบกพร่องเกิดขึ้น จะได้สามารถแก้ไขหรือปรับปรุงวิธีการผลิตได้ทันทีรายละเอียดที่ควรบันทึกได้แก่

1. บันทึกขั้นตอนการผลิต เช่น รายละเอียดการใส่ปุ๋ย ให้น้ำ การใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช โดยเฉพาะปุ๋ยซึ่งมีผลต่อปริมาณสารสำคัญ และสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ซึ่งหากมีสารพิษตกค้างจะทำให้คุณภาพของสมุนไพรไม่เป็นไปตามมาตรฐาน

2. บันทึก วันปลูก วันออกดอก วันเก็บเกี่ยว การเก็บเกี่ยว วิธีการบรรจุ การขนส่ง และชื่อผู้ปฏิบัติงาน ฯลฯ เพื่อใช้ตรวจสอบคุณภาพของวัตถุดิบสมุนไพร เช่น ถ้าเก็บเกี่ยวในช่วงเวลา/อายุ ที่ไม่เหมาะสมจะมีผลทำให้คุณภาพต่ำ ข้อมูลที่บันทึกไว้จะสามารถนำมาใช้ปรับปรุงแก้ไขวิธีการผลิตให้ได้วัตถุดิบสมุนไพรที่มีคุณภาพดีตามมาตรฐาน

3. บันทึก วัน เดือน ปี และวิธีการปฏิบัติงานเพื่อใช้ตรวจสอบ และวางแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหา

 

 

สัจจะ ประสงค์ทรัพย์
Satja Prasongsap
Professional Research Scientist
Horticultural Research Institute(HRI), Department of Agriculture (DOA)
P.O.Box 50 Chattuchak, Bangkok 10900, Thailand
Tel: 66-2940-5484 ext. 117
Fax: 66-2561-4667
E-mail address : herbdoa@gmail.com

 

Category: GAP

Comments are closed.

banner ad

Hit Counter provided by technology news