banner ad

สับปะรด

| June 18, 2014

สับปะรด

สถานการณ์การผลิต
ปี 2565 สับปะรดโรงงาน เนื้อที่เพาะปลูก 458,801 ไร่ เนื้อที่เก็บเกี่ยว 454,376 ไร่ ผลผลิตรวม 1.76 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 3,865 กิโลกรัมต่อไร่ ไม่รวมที่ขายผลสด เช่น นางแล ภูเก็ต ตราดสีทอง และสวี
ปี 2560 พื้นที่เก็บเกี่ยวเพิ่มขึ้น เกษตรกรขายได้ราคาสูง ตั้งแต่ปี 2558-59 ราคาจะตกต่ำในปี 2560 เนื่่องจากมีการปลูกมาก ราคา 8-9 บาท (ธค. 59) หน้าโรงงาน ช่วงนี้ผลผลิตเข้าโรงงานวันละ 10,000 ตัน ซึ่งปกติจะมีผลผลิตมากช่วง พค.-มิย.

การผลิตสับปะรดไทยปี 2559

รายการ พื้นที่เก็บเกี่ยว(ไร่) ผลผลิต(ตัน) ผลผลิตต่อไร่(กก.)
ไทย 464,975 1,794,216 3,859

——————————————————————————————————

พันธุ์สับปะรด ได้แก่ พันธุ์MD2 พันธุ์ตราดสีทอง  พันธุ์นางแล  พันธุ์ปัตตาเวีย พันธุ์เพชรบุรี 1 พันธุ์เพชรบุรี 2  พันธุ์ภูเก็ต  พันธุ์ภูชวา/โซโก้เบอร์ 6  พันธุ์ภูแล  พันธุ์ศรีราชา พันธุ์ห้วยมุ่น  พันธุ์อินทรชิตขาว พันธุ์อินทรชิตแดง

เทคนิคการผลิตสับปะรด

1.การเตรียมแปลงและเก็บตัวอย่างดินวิเคราะห์ธาตุอาหารกรณีแปลงเก่าสับต้นแปลงเก่าทิ้งไว้ 15 วันแล้วเผาหรือทิ้งไว้ให้ย่อยสลาย(กรณีไม่เป็นโรคเหี่ยว) ไถดินลึก 20-40 ซม. และไถอย่างน้อย 2 ครั้ง และในสภาพพื้นที่ราบ ควรยกร่องเพื่อให้ระบายน้ำได้ดีและป้องกันน้ำขัง และทำการตากดิน ตากดินไว้อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อกำจัดเชื้อโรค/และศัตรูต่างๆที่อยู่ในดิน กำจัดวัชพืช หลังเตรียมดินพ่นสารกำจัดวัชพืชโดยใช้ไกลโฟเสท 48% SL อัตรา 500-600 มล./ไร่

2.เตรียมหน่อพันธุ์ โดยเลือกหน่อพันธุ์จากแปลงที่ไม่มีการระบาดของโรคเหี่ยว คัดขนาดหน่อพันธุ์ โดยคัด 3ขนาด คือขนาดใหญ่(700-900 ก.)ขนาดกลาง(500-700ก.) ขนาดเล็ก(300-500 ก.)

3.การปลูก ปลูกหน่อขนาดเดียวกันในแปลงเดียวกันโดยปลูก 8,000-10,000 ต้น/ไร่ 8,000 ต้น/ไร่ ใช้ระยะปลูก(ต้นxแถวxระหว่างแถว) 30x50x100 ซม. 10,000 ต้น/ไร่ ใช้ระยะปลูก25x45x100 ซม.

- กรณีพื้นที่ปลูกพบโรคเหี่ยวหรือพบเพลี้ยแป้ง ชุบหน่อพันธุ์ก่อนปลูกด้วยสาร thimathoxam 25%WG หรือ imidacloprid 70% WG หรือ dinotefuran 10%WP ชนิดใดชนิดหนึ่งอัตรา 4,4 หรือ 50 กรัม/น้ำ 20 ลิตร

- กรณีที่ปลูกในช่วงที่มีความชื้นสูงควรป้องกันและลดอัตราการสูญเสียที่เกิดจากโรคเน่าต่างๆ สารเคมีที่ใช้เช่น ฟอสเอสธิล อลูมินั่ม อัตรา 100 กรัม/น้ำ 20 ลิตร หรือเมตาแลกซิล อัตรา 20-40 กรัม/น้ำ 20 ลิตร

4. การจัดการดิน-ปุ๋ย

4.1. การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ในกรณีที่อินทรียวัตถุในดินต่ำกว่า 1% ให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอกปริมาณ 1 ตัน ผสมหินฟอสเฟต 50-100 กก./ไร่ โดยโรยเป็นแถวหลังไถแปรตามแนวร่องปลูกสับปะรดเพื่อกระตุ้นการออกราก

4.2. การใส่ปุ๋ยเคมี ตามหลักการควรใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและความต้องการของพืช

4.3. การใส่ปุ๋ยทางกาบใบแนะนำให้ใส่ปุ๋ยที่มีอัตรา N:P2O5:K2O เช่น 12-6-15 อัตรา 40 กรัม/ต้น แบ่งใส่ 2-3 ครั้ง ครั้งแรกหลังปลูก 1-3 เดือน และครั้งต่อไปห่างกัน 2-3 เดือน

4.4. การใส่ปุ๋ยทางใบ เมื่อพืชได้รับธาตุอาหารไม่เพียงพอแนะนำให้ใส่ปุ๋ยสูตร 23-0-25 (ยูเรียผสมโพแทสเซียมซัลเฟต 1:1) ผสมน้ำความเข้มข้น 5% ต้นละ 75 มล./ครั้ง จำนวน 3 ครั้ง โดยวิธีตักหยอดหรือพ่นในระยะก่อนบังคับดอก 5 วัน และหลังบังคับดอก 20 วัน

การใช้ปุ๋ยทางใบ

1. ระยะเตรียมต้นสำหรับการบังคับดอก ฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ ได้แก่ ปุ๋ยสังกะสีซัลเฟต 0.5 กิโลกรัม เหล็กซัลเฟต 3 กิโลกรัม แมกนีเซียมซัลเฟต 1 กิโลกรัม และบอแร็กซ์0.1 กิโลกรัม ผสมน้ำ 1,000 ลิตร ฉีดพ่น ในพื้นที่ 1 ไร่ หลังปลูกสับปะรด 1-3 เดือน โดยฉีดพ่นปุ๋ยเดือนละ 1 ครั้ง

2. ระยะต้นโตก่อนบังคับการออกดอก 1 เดือน ฉีดพ่นปุ๋ยทางใบด้วยปุ๋ยเกรด 23-0-25 หรือปุ๋ยยูเรียผสม กับปุ๋ยโพแทสเซียมซัลเฟต สัดส่วน 1:1 เพื่อให้ต้นสับปะรดมีความสมบูรณ์เต็มที่ และใบจะมีสีเขียวเข้มมาก

3. ก่อนบังคับออกดอก 5 วัน ฉีดพ่นปุ๋ยทางใบด้วยปุ๋ยเกรด 23-0-25 หรือปุ๋ยยูเรียผสมกับ ปุ๋ยโพแทสเซียมซัลเฟต สัดส่วน 1:1 เพื่อช่วยในการสร้างจำนวนผลให้มากขึ้น

4. หลังการบังคับออกดอก 20 วัน ฉีดพ่นปุ๋ยทางใบด้วยปุ๋ยเกรด 23-0-25 หรือปุ๋ยยูเรียผสมกับ ปุ๋ยโพแทสเซียมซัลเฟต สัดส่วน 1:1 เพื่อช่วยในการเสริมสร้างผล (ตา) ที่อยู่ส่วนปลายของผลรวม ซึ่งโดยปกติ แล้วที่ปลายผลรวมตาของสับปะรด จะมีขนาดเล็กกว่าผลที่อยู่ล่างลงมา ไม่ควรพ่นช้ากว่า 30 วัน หลังบังคับ ออกดอก เพราะปุ๋ยจะไปมีผลกับการสร้างจุก และหน่อใหม่เป็นส่วนใหญ่

 

5. การให้น้ำ กรณีปลูกในช่วงแล้งและมีแหล่งน้ำ ควรมีการให้น้ำบ้างเดือนละครั้งเพื่อให้สับปะรดตั้งตัวได้เร็ว โดยให้น้ำอัตรา 2,000-3,000 ลิตร/ไร่ สับปะรดปากใบจะเปิดกลางคืน เมื่อปากใบเปิด การตรึงคาร์บอนไดออกไซด์จะเกิดขึ้นโดยการรวมตัวของคาร์บอนไดออกไซด์เข้ากับสารอินทรีย์หลากหลายชนิดซึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงโมเลกุลไปเป็นสารอินทรีย์ที่เป็นกรดหลายตัวด้วยกัน สารอินทรีย์ที่เกิดขึ้นนั้นจะถูกเก็บไว้ในแวคิวโอล (vacuole) เมื่อปากใบปิดในตอนกลางวัน ปฏิกิริยาใช้แสงจะเกิดขึ้นเพื่อสร้าง ATP และ NADPH สำหรับป้อนเข้าสู่วัฏจักรเคลวิน ส่วนคาร์บอนไดออกไซด์ จะถูกปล่อยออกมาจากโมเลกุลสารอินทรีย์ที่พืชสร้างเอาไว้ในเวลากลางคืน ทำให้วัฏจักรเคลวินสามารถทำงานได้  เป็นพืชกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงเมแทบอลิซึมของกรดอินทรีย์ในพืชครัสซูเลเชียน (crassulacean acid metabolism) เรียกย่อๆ ว่า CAM

ปริมาณการใช้น้ำของสับปะรดcrop evapotranspiration ; ET crop คือ ET = Kc * ETo

ค่า ETO เพชรบุรีเฉลี่ย  3.81 mm/day

ค่าสัมประสิทธิ์การใช้น้ำ Kc ของสับปะรด ระยะเริ่มต้น 180 วันเท่ากับ 0.5 ระยะกึ่งกลาง 600 วันเท่ากับ 0.5 ระยะช่วงให้ผลผลิต 10 วันเท่ากับ 0.3

ตัวอย่างการให้น้ำ เริ่มปลูก กพ ให้น้ำ 3 ครั้งต่อวัน เวลา 19.00, 21.00, 23.00 น. อัตราการจ่ายน้ำ 300 ลิตรต่อนาที เช่น กพ ค่า Eto 4.23 มิลลิเมตรต่อวัน ค่า Kc 0.5 เท่ากับค่า Et 2.12 มิลลิเมตรต่อวัน การให้น้ำ 3.38 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ต่อวัน

6. การบังคับดอก บังคับดอกเมื่อต้นสับปะรดมีน้ำหนัก 2-2.5 กิโลกรัม โดยใช้เอทธีฟอน (39.5%) จำนวน 8 มล.ร่วมกับปุ๋ยยูเรีย 300 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร แล้วหยอดยอดหรือพ่นลงยอดสับปะรดต้นละ 60 -75 มล. ทำ 2 ครั้ง ห่างกัน 4-7 วัน หรือหยอดถ่านแก๊ส (แคลเซียมคาร์ไบด์) ประมาณ 1 กรัมต่อต้น จำนวน 2 ครั้ง ในกรณีที่ผลเติบโตในช่วงแล้ง แดดจัด ต้องมีการคลุมผลเพื่อป้องกันความเสียหายจากแดดเผา ส่วนในสับปะรดบริโภคสดพันธุ์นางแลเกษตรกรนิยมหักจุกออกหลังดอกสุดท้ายบานและรวบใบสับปะรดขึ้นมาหุ้มผล

7. การจัดการโรค-แมลง สับปะรดเป็นพืชที่มีปัญหาโรค-แมลง ไม่มาก แต่อย่างไรก็ตามควรมีการตรวจสอบแปลงอย่างสม่ำเสมอ ถ้าพบการแพร่ระบาดของเพลี้ยแป้งหลังปลูกให้ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดเฉพาะจุดที่พบเพลี้ยแป้งและรัศมีโดยรอบเพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่กระจายของเพลี้ยแป้ง สารเคมีที่ใช้เช่น ไทอะมีโทแซม 25% WG อัตรา 2 กรัม/น้ำ 20 ลิตร หรือ อิมิดาโคลพริด 10 % SL อัตรา 20 มิลลิลิตร/น้ำ 20 ลิตร หรือ ไดโนทีฟูเรน 10% WPอัตรา 20 กรัม/น้ำ 20 ลิตร หรือ อะเซททามิพริด 20 % SP อัตรา 10 กรัม/น้ำ 20 ลิตร และควรมีการใช้เหยื่อพิษกำจัดมด โดยหว่านสาร ไฮดราเมทิลโนน 0.73 % GR อัตรา 275 กรัม/ไร่ 2 ครั้ง โดยหว่านพร้อมปลูกและหลังปลูก 6 เดือน

การจัดการวัชพืช พ่นยากำจัดวัชพืชก่อนปลูกสับปะรด 2 สัปดาห์ ได้แก่ hexazinone 90-180 กรัมสารออกฤิทธิ์ต่อไร่ หรือ hexazinone/diuron 450-600 กรัมสารออกฤิทธิ์ต่อไร่ การพ่นคลุมดินหลังปลูกพืช และก่อนวัชพืชงอก ได้แก่ atrazine 300-500 diuron 360-720 pendimethalin 200-3000  ametryn 360-720 กรัมสารออกฤิทธิ์ต่อไร่

8. การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว

8.1. อายุเก็บเกี่ยว สับปะรดส่งโรงงานเก็บเกี่ยวเมื่อผลสับปะรดมีความแก่ (สุก) ตามมาตรฐานความสุกไม่น้อยกว่า 25 % แต่ไม่เกิน 70 %(ขนาดเบอร์ 1- 4) หรือนับอายุหลังการบังคับดอก 150-160 วัน ไม่มีจุกและก้าน ส่วนสับปะรดบริโภคสดที่จำหน่ายในประเทศเก็บเกี่ยวเมื่อผลมีความสุกอย่างน้อย – ของผล

8.2. การคัดแยก ควรมีการคัดแยกผลที่ไม่ได้คุณภาพออกเช่น ผลแกน ผลที่แดดเผาเสียหาย ผลที่ถูกศัตรูพืชทำลาย

3. การขนส่ง จัดเรียงผลสับปะรดโดยเอาด้านจุกลง ป้องกันการชอกช้ำ และใช้พาหนะ ขนส่งที่สะอาดและเหมาะสมกับปริมาณผลผลิตที่จะขนส่งไปโรงงานแปรรูป

———————————————

การใช้ฮอร์โมน

1. การชักนำให้เกิดรากของหน่อใหม่จากต้นตัดชำ สาร NAA ความเข้มข้น 50 มก./ล โดยนำหน่อใหม่ที่ได้จากการตัดชำลำต้นแม่จุ่มในสารละลายแล้วนำไปชำในวัสดุเพาะชำ

2. การบังคับให้ออกดอกพร้อมกัน สารอีทีฟอนเพื่อการออกดอกสับปะรด ให้ใช้อัตรา 100-200 ppm. ( Ethephon 48% อัตรา 6 มิลลิลิตร./ น้ำ 20 ลิตร) โดยใช้ร่วมกับปุ่ยยูเรียอัตรา 300 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ทำการหยอดที่ยอดสับปะรดต้นละ 60 มิลลิลิตร ที่อายุ 11 เดือนหลังปลูก หรือน้ำหนักต้นสด 2.5 กิโลกรัม และหยอดครั้งที่ 2 หลังยอดครั้งแรก 7 วัน จะทำให้สับปะรดออกดอกพร้อมกัน

3. การกระตุ้นการเกิดหน่อ สาร Chlorflurenol ความเข้มข้น 750 – 1,000 มิลลิกรัม/ลิตร พ่นบนต้นสับปะรด พร้อมกับการใช้สารเร่งดอกหรือหลังการใช้สารเร่งดอกไม่เกิน 7 วัน และพ่นครั้งที่ 2 หลัง 10-12 วัน

 

————————————————————————————————–

บทสรุปผู้บริหารสับปะรด

โดย สัจจะ ประสงค์ทรัพย์
Satja Prasongsap
Professional Research Scientist
Horticultural Research Institute
E-mail : herbdoa@gmail.com

Category: VDO, พืชไม้ผล, พืชไม้ผล ย-ฮ

Comments are closed.

banner ad

Hit Counter provided by technology news