เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ( Nilaparvata lugens (Stål) )เป็นแมลงกลุ่มปากดูด ตัวเต็มวัยมีลำตัวสีน้ำตาลถึงสีน้ำตาลปนดำ มีรูปร่าง 2 ลักษณะ คือ ชนิดปีกยาว (macropterous form) ชนิดมีปีกยาวสามารถเคลื่อนย้ายและอพยพไปในระยะทางใกล้และไกล โดยอาศัยกระแสลมช่วย ทั้งนี้เต็มวัยเพศเมียชนิดปีกยาวมีขนาด 4-4.5 มิลลิเมตร วางไข่ประมาณ 100 ฟอง(เน้นการเคลื่อนที่ไปแปลงใหม่) และชนิดปีกสั้น (bracrypterous form) ตัวเต็มวัยเพศเมียจะวางไข่เป็นกลุ่ม เพศเมียชนิดปีกสั้นวางไข่ประมาณ 300 ฟอง(เน้นการลงทำลายในพื้นที่) ส่วนใหญ่วางไข่ที่กาบใบข้าว หรือเส้นกลางใบ เรียงแถวตามแนวตั้งฉากกับกาบใบข้าว บริเวณที่วางไข่จะมีรอยช้ำเป็นสีน้ำตาล ไข่มีลักษณะรูปกระสวยโค้งคล้ายกล้วยหอม มีสีขาวขุ่น ตัวอ่อนมี 5 ระยะ ระยะตัวอ่อน 16-17 วัน
ลักษณะการเข้าทำลาย
1.ดูดกินน้ำเลี้ยงทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัย บริเวณโคนต้นข้าวระดับเหนือผิวน้ำ ทำให้เซลส์ท่อน้ำท่ออาหารเสียหายต้นข้าวเลยแสดงมีอาการใบเหลืองแห้งลักษณะคล้ายถูกน้ำร้อนลวก แห้งตายเป็นหย่อมๆ เรียก”อาการไหม้”(hopperburn) โดยทั่วไปพบอาการไหม้ในระยะข้าวแตกกอถึงระยะออกรวง
2.เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลยังเป็นพาหะนำเชื้อไวรัส โรคใบหงิก(rice raggedstunt) มาสู่ต้นข้าว ทำให้ต้นข้าวมีอาการแคระแกร็นต้นเตี้ยใบสีเขียวแคบและสั้นใบแก่ช้ากว่าปรกติ ปลายใบบิด เป็นเกลียว
การป้องกันกำจัด
1) ใช้พันธุ์ต้านทาน และไม่ควรปลูกพันธุ์เดียวติดต่อกันเกิน 4 ฤดูปลูก
2) ควรหมั่นตรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันกำจัดได้อย่างรวดเร็วแล้วมีประสิทธิภาพ
3) ควรกำจัดวัชพืชรอบๆแปลงเนื่องจากเป็นแหล่งอาศัยของเพลี้ยเช่นเดียวกัน
4) การใส่ปุ๋ยไนโตรเจนมากเกินความจำเป็น เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดได้
5) ใช้เชื้อราบิวเวอเรีย อัตรา 1 กก. (เชื้อสด)ต่อน้ำ 20 ลิตร
6) การใช้สารเคมีในการป้องกันกำจัด เมื่อพบจำนวนเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลมากกว่า 10 ตัวต่อกอ ได้แก่ สารบูโพรเฟซีน 40%SC อัตรา 120 ซีซี/ไร่ สารไดโนทีฟูแรน 20%SG อัตรา 30กรัม/ไร่ หรือ10%WP อัตรา 60 กรัม/ไร่ สารไพมีโทรซีน 50%WG อัตรา 50 กรัม/ไร่ สารฟลอนิคามิด 50%WG อัตรา 50 กรัม/ไร่
สารผสมได้แก่ ไดโนทีฟูแรน 10%WP+ สารฟิโพรนิล 5%SC อัตรา 60 กรัม +120 ซีซี/ไร่ สารไดโนทีฟูแรน 10%WP+ สารอิทิโพรล์ 10%SC อัตรา 60 กรัม + 180 ซีซี/ไร่
Category: แมลงศัตรูพืช