เทคนิคการเสียบยอดผัก grafting
การขยายพันธุ์พืชผักด้วยการเสียบยอดพันธุ์ดี
การเสียบยอด Grafting เป็นวิธีการขยายพันธุ์พืชแบบไม่ใช้เพศ ด้วยการนำต้นพืชสองชนิดมาเชื่อมต่อกันให้เจริญเป็นต้นเดียวกัน ส่วนของพืชที่เจริญเป็นราก เรียกว่า ต้นตอ (rootstock) และส่วนยอดที่นำมาต่ออยู่บนต้นตอจะเป็นส่วนที่เจริญเป็นกิ่งก้านออกดอกติดผลต่อไป เรียกว่า ยอดพันธุ์ดี (scion) เป็นส่วนของยอดพืชที่มีตามากกว่าหนึ่งตาขึ้นไปมาเชื่อมต่อกับต้นตอ เช่น การเสียบยอดมะเขือเทศพันธุ์ดีบนต้นตอมะเขือเทศการเสียบยอดด้วยมะระพันธุ์ดีบนต้นตอฟักทอง การเสียบยอดมะเขือเทศพันธุ์ดีบนต้นตอมะเขือยาว
ข้อดีของการเสียบยอดพืช
1. การดูดซึมน้ำ และความสามารถในการดูดซึมแร่ธาตุของพืชเพิ่มขึ้น
2. พืชมีความแข็งแรงมากขึ้น
3. ช่วยให้พืชมีความต้านทานต่อความเครียดจากปัจจัยทางกายภาพ เช่น น้ำท่วมขัง ความเค็ม และสภาพแวดล้อมหนาวเย็นและร้อน
4. ช่วยทำให้ต้นพืชทนทานต่อโรคที่เกิดจากดิน เช่น bacterial wilt Fusarium wilt และ root knot nematode
5. ลดการใช้ยาฆ่าแมลง
6. ผลผลิตมีคุณภาพดีขึ้น
7. ทำให้พืชมีอายุการเจริญเติบโตยาวนานขึ้น
อุปกรณ์จำเป็นในการเสียบยอด
1. Net house (โรงเรือนอนุบาลต้นกล้า) ใช้สำหรับต้นกล้าก่อนการต่อกิ่ง และดูแลต้นกล้าพืชที่เสียบยอดแล้วให้แข็งแรง
โรงเรือนสร้างด้วยตาข่ายไนลอนขนาด 60 ตาเพื่อป้องกันแมลงที่แพร่เชื้อไวรัสเช่นเพลี้ยอ่อนและแมลงหวี่ขาว ทำประตูสองชั้นช่วยลดโอกาสในการเข้ามาของแมลงศัตรูพืช หากตรวจพบแมลงศัตรูพืชในโรงเรือนควรควบคุมทันที หลังคาของโครงสร้างควรหุ้มด้วยโพลีเอทิลีนโปร่งใสที่ทนต่อรังสียูวีอีกชั้นเพื่อป้องกันการซึมผ่านของฝน อาจจำเป็นต้องมีการเพิ่มความหนาของตาข่ายสำหรับพืชในช่วง 2-3 วันแรก หลังจากรับมาจากห้องอบเพื่อเสียบยอดเพื่อทำการอนุบาลให้พืชแข็งแรง
2. Grafting chamber ใช้สำหรับอบต้นกล้าหลังการเสียบยอด
โรงเรือนออกแบบมาเพื่อรักษาความชื้น และลดความเข้มของแสงเพื่อลดความร้อนสะสม การคลุมด้วยโพลีเอทิลีนช่วยรักษาความชื้นที่ระเหยจากพื้นที่มีน้ำขังอยู่ห้องคลุมด้วยตาข่ายเพื่อลดการซึมผ่านของแสง ตาข่ายคลุมด้านบนช่วยลดการซึมผ่านของแสงและช่วยให้การไหลเวียนของอากาศดีเพื่อลดการสะสมความร้อน
โครงสร้างเหมาะสำหรับสภาพอากาศที่เปิดโล่งและแสงแดดจัด การวางที่กำบังภายใต้ร่มเงาธรรมชาติสามารถลดความจำเป็นในการใช้ตาข่ายบังแดดได้ ควรจัดตั้งบนพื้นที่ราบที่มีการยกระดับและไม่ถูกน้ำท่วมถึง การใช้แผ่นโพลีเอทิลีนโปร่งใสและทนต่อรังสียูวีเป็นแผ่นปิดชั้นแรก ทำหน้าที่รักษาระดับความชื้นภายในห้องให้สูงและป้องกันการซึมผ่านของน้ำฝน ตาข่ายบังแดดสองชั้นโดยมีตาข่ายสะท้อนแสงสีเงินเป็นส่วนปิดด้านนอกสุดวางทับบนแผ่นนี้ในระหว่างการดูแลรักษา ห้องเป็นอุโมงค์ขนาด 2.5 x 4.0 ม. สามารถรองรับถาดได้ 30 ถาด (40 x 60 ซม.) โดยแต่ละถาดจะบรรจุต้นไม้ได้ 40 ต้นโดยใช้กระถางขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6.0 ซม. ดังนั้นความจุของห้องประเภทอุโมงค์คือ 1,200 ต้นกล้า หากจำเป็นสามารถใช้ห้องอบเสียบยอดเพื่อเตรียมต้นกล้าสำหรับเสียบยอดได้ ชั้นตาข่ายที่บังแดดของห้องจะถูกถอดออกเพื่อปลูกต้นกล้าก่อนการต่อกิ่ง ทันทีหลังการต่อกิ่งตาข่ายจะถูกวางเป็นชั้น ๆ เหนือห้องเพื่อช่วยในการรักษา หลังจากนั้นแทนที่จะย้ายพืชกลับเข้าไปในเรือนกระจกเพียงแค่ลอกชั้นตาข่ายที่เหลือ (สีดำ) อยู่บนห้องออกและทำให้พืชแข็งแรงจนกว่าจะพร้อมสำหรับการย้ายปลูก สภาวะที่เหมาะสมภายในห้องเสียบยอด คือ ความเข้มแสงต่ำ (50 µmol m-1s-1) อุณหภูมิอากาศ 25-32ºC และความชื้นสัมพัทธ์สูง (> 85%)
การเตรียมต้นพันธุ์ Rootstock และยอดพันธุ์ดี Scion
ต้นตอและกิ่งพันธุ์ต้องมีเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นใกล้เคียงกันเพื่อการเสียบยอดจะประสบความสำเร็จปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการคัดเลือกต้นตอและกิ่งพันธุ์ 2 ปัจจัย คือ อายุของต้นตอและกิ่งพันธุ์ และอัตราการเจริญเติบโต
ตารางการหว่านเมล็ดพันธุ์พืช
ระยะเวลาการงอก
- มะเขือเทศผลสดส่วนใหญ่งอกใน 2-3 วัน
- มะเขือยาวไวต่ออุณหภูมิมากกว่า ระยะเวลางอก 3 วัน ที่อุณหภูมิ 28-32 ºC และ 6 วันงอก ที่อุณหภูมิ 21-24 ºC
อัตราการเจริญเติบโต ต้นกล้ามะเขือเทศพันธุ์เมล็ดใหญ่โตเร็วกว่ามะเขือยาวและต้นกล้ามะเขือเทศเชอร์รี่ หว่านเมล็ดมะเขือยาว 3 วันก่อนหยอดเมล็ดมะเขือเทศผลใหญ่ มะเขือเทศเชอร์รี่สามารถหว่านได้ในวันเดียวกับมะเขือยาว หากจะทำการต่อกิ่งมะเขือเทศลงบนต้นตอมะเขือเทศให้หว่านเมล็ดของกิ่งพันธุ์และต้นตอในวันเดียวกัน
อัตราการเจริญเติบโตของพืชแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล ความหลากหลายของสายพันธุ์ ละติจูด และสภาพอากาศ เป็นต้น ผู้ปลูกทุกรายจึงต้องปรับเปลี่ยนวันหว่านตามเงื่อนไขเฉพาะของตนเอง
การเลี้ยงต้นกล้า : ต้นกล้า Rootstock : ปลูกในกระถางเดี่ยว (เส้นผ่านศูนย์กลาง 6 ซม.) ต้นกล้า Scion : เลี้ยงในกระถางเดี่ยวหรือในถาดเพาะกล้า ต้นกล้าอาจได้รับการต่อกิ่งหลังจากพัฒนาใบจริง 2-3 ใบ เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นควรอยู่ที่ 1.6–1.8 มม. ที่จุดตัดออก โดยทั่วไปขั้นตอนของการพัฒนานี้ใช้เวลา 14 ถึง 16 วัน
ขั้นตอนการเสียบยอดมะเขือเทศ
รดน้ำ 4 ชั่วโมงก่อนการเสียบยอด โดยจะไม่มีการให้น้ำแก่ต้นกล้าที่จะต่อกิ่งในช่วงระยะเวลาการรักษาเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโรคจากบาดแผล ดังนั้นควรให้น้ำปริมาณมาก 4 ชั่วโมงก่อนการเสียบยอด ไม่ควรรดน้ำก่อนการต่อกิ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนในระหว่างการจัดการ การเสียบยอดมะเขือเทศพันธุ์ดีบนต้นตอมะเขือยาว การเสียบยอดมะเขือเทศพันธุ์ดีบนต้นตอมะเขือเทศ
ขั้นตอนที่ 1 ตรวจสอบความพร้อมของต้นกล้า เมื่อมีใบจริงใบที่ 3 โผล่ออกมาและเส้นผ่านศูนย์กลางของกิ่งพันธุ์ดีและต้นตอกว้างถึง 1.6-1.8 มม. สามารถทำการต่อกิ่งได้
ขั้นตอนที่ 2 การตัดต้นตอ ตัดระหว่างใบเลี้ยงและใบจริงใบที่ 1 ที่มุม 30o โดยเริ่มตัดให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้
ขั้นตอนที่ 3 การตัดกิ่งพันธุ์ดี ตัดก้านมะเขือเทศทำมุม 30o เหนือใบเลี้ยงหรือใบจริงใบแรกเล็กน้อย
ขั้นตอนที่ 4 การต่อกิ่งพันธุ์ดีและต้นตอเข้าด้วยกัน
1. ใช้มือซ้ายจับกิ่งพันธุ์แล้วดันเข้าไปในหลอด (ประมาณ 0.5 ซม.) ด้วยมือขวา ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามุมตัดของหลอดและกิ่งพันธุ์ขนานกัน
2. ค่อยๆจับโคนต้นตอที่อยู่ด้านล่างของรอยตัดด้วยมือซ้าย และถือกิ่งพันธุ์ที่อยู่เหนือหลอดด้วยมือขวาแล้วใส่หลอดลงบนต้นตอ ไม่จำเป็นต้องถอดหลอดออกหลังจากการดูแลรักษา หลอดจะอยู่บนต้นกล้าจนกว่าจะแข็งตัวและแตกออกตามธรรมชาติ และตกลงไปที่พื้น
ขั้นตอนที่ 5 การดูแลรักษา ย้ายต้นกล้าที่เสียบยอดแล้วไปยังห้องเสียบยอดทันที อุณหภูมิที่แนะนำคือ 25-30 ºC เก็บชั้นน้ำตื้นไว้ในซับพื้น โพลีเอทิลีนและปิดประตูไว้เพื่อรักษาความชื้นสูง (ความชื้นสัมพัทธ์> 85%) วางถาดเพาะกล้าบนอิฐเพื่อรองรับต้นไม้เหนือแนวน้ำ ต้นกล้าที่เสียบยอดอาจเหี่ยวในระยะแรก แต่จะตั้งตรงภายใน 3 วัน ระยะเวลาการรักษา 4-5 วัน (มะเขือเทศและมะเขือเทศเชื่อมติดกัน) 6-7 วัน (มะเขือเทศและมะเขือยาวเชื่อมติดกัน)
ขั้นตอนที่ 6 การปรับสภาพและทำให้ต้นแข็งแรง ลอกชั้นบนสุด (สีเงิน) ของวัสดุตาข่ายบังแดดออก ระบายน้ำออกจากถาดรองพื้น เปิดประตูที่หุ้มด้วยพลาสติกของห้องต่อกิ่ง แต่ปิดฝามุ้งลวดไว้เพื่อป้องกันการเข้าทำลายของแมลง ทำแบบนี้เป็นเวลา 2-3 วันหลังจากนั้นให้ย้ายต้นกล้าที่เสียบยอดออกจากห้องแล้วย้ายไปที่โรงเรือนอนุบาลกล้า net house
ขั้นตอนที่ 7 การจัดการต้นกล้าที่เสียบยอด
1. การให้ปุ๋ยไนโตรเจน ประมาณ 9 วันหลังการต่อกิ่งให้ใช้สารละลายยูเรีย 0.3 ถึง 0.4% หรือ 1 กรัมต่อลิตรของ BASF ทางใบ Nitrophoska (20N-19P2O5-19K2O) หรือเทียบเท่ากับปุ๋ยที่ละลายน้ำได้ใกล้เคียงกัน เก็บพืชไว้ใน screenhouse 7-8 วัน เพื่อการพัฒนาและการแข็งแรงของพืชต่อไป
2. การกำจัดแขนงยอดอ่อน แขนงยอดอ่อนมักเกิดจากแกนใบเลี้ยงหลังการต่อกิ่งและเห็นได้ชัด 6-8 วัน หลังการปลูกเสียบยอด ควรเอาแขนงยอดเหล่านี้ออกทันทีที่โผล่ออกมา
การทำต้นตอมะเขือพวง
ความสำคัญของการเสียบยอดมะเขือชนิดต่างๆ
การปลูกพืชในพื้นที่เดิมเป็นระยะเวลานานเป็นปัญหาสำคัญซึ่งนำมาสู่การเกิดโรคระบาดที่มาจากดิน เช่น โรคเหี่ยว เป็นต้น เมื่อทำการเสียบยอดมะเขือ พบว่า การเสียบยอดช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคที่มาจากดินได้ ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำและอาหารของพืชให้ดีขึ้น ช่วยให้พืชทนทานต่อความเครียดจากปัจจัยทางกายภาพ และช่วยเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของพืช
ต้นกล้าที่ใช้สำหรับเป็นต้นตอ
มะเขือพวง (Solanum torvum Swartz) เป็นพืชที่นิยมนำใช้เป็นต้นตอในการเสียบยอด แต่ปัญหาหลักของมะเขือพวง คือ มีอัตราการงอกต่ำ สาร GA3 เป็นสาควบคุมการเจริญเติบโตที่สามารถเพิ่มอัตราการงอกและพลังการงอกของเมล็ด โดยการใช้สาร GA3 ปริมาณ 0.5 มก./มล. ช่วยเพิ่มการงอกของเมล็ดมะเขือพวงได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยปกติควรเพาะเมล็ดต้นตอให้เร็วกว่าการปลูกกิ่งพันธุ์ดีประมาณ 35-40 วัน
การเสียบยอด
ตัดกิ่งต้นมะเขือพวงที่คัดเลือกไว้ แล้วผ่ากลางลำต้น สำหรับนำยอดกิ่งพันธุ์ดี (Scion) มาเสียบ โดยตัดยอดกิ่งพันธุ์ดีเป็นปากฉลาม โดยให้มีใบเหลือประมาณ 2-3 ใบและเสียบเข้าตรงรอยตัดบนต้นตอ และใช้ที่หนีบสำหรับเสียบยอดหรือหลอดพลาสติกใส หลังจากทำการเสียบยอด 1-3 วัน ควรนำต้นกล้าเสียบยอดไปไว้ในสถานที่ปิดด้วยแผ่นฟิล์ม ไม่มีไฟ และมีความชื้นมากกว่า 95% อุณหภูมิระหว่างวัน 25-28 ºC และในตอนกลางคืน 22-25 ºC วันที่ 4-6 ให้ไฟอ่อนและระบายอากาศเป็นครั้งคราว ความชื้น 85-90% ฉีดน้ำตอนเที่ยงและรอให้แผลแห้งสนิท
การเสียบยอดพืชตระกูลแตง
ความสำคัญของการเสียบยอดพืชตระกูลแตง
การเสียบยอดช่วยเพิ่มความต้านทานของโรคที่เกิดในดิน เช่น โรคเหี่ยว โรคใบไหม้ และไส้เดือนฝอยรากปม ช่วยส่งเสริมการดูดซึมน้ำและแร่ธาตุ เพิ่มความแข็งแรงในการเจริญเติบโต ผลการวิจัยพบว่าปริมาณ xylem sap และการสะสมน้ำหนักแห้งของเมล่อนที่เสียบยอดมีมากกว่าที่ราก ช่วยเพิ่มความทนทานต่อความเครียดของพืช เพิ่มความทนทานต่ออุณหภูมิต่ำหรือสูง ความแห้งแล้งและความเค็ม
การเสียบยอด : Peg grafting Cleft grafting (การเสียบยอดแบบเสียบลิ่ม) Tongue approach (การเสียบยอดแบบเข้าลิ้น) Root-pruning grafting (การตัดราก)
ความแตกต่างระหว่าง peg grafting กับ root-pruning grafting
1. root-pruning grafting ใช้แรงงานน้อย มีประสิทธิภาพมากกว่า peg grafting
2. อัตราการรอดสูง : root-pruning grafting มีอัตราการรอดประมาณ 95%
ขั้นตอนการเสียบยอด
1. เพาะเมล็ดกล้าสำหรับเป็นต้นตอและกิ่งพันธุ์ดี
2. จุ่มต้นตอและกิ่งพันธุ์ดีในน้ำร้อน อุณหภูมิ 50-55 ºC เป็นเวลา 20 นาที แล้วต่อด้วยน้ำอุณหภูมิ 30 ºC เป็นเวลา 6-24 ชั่วโมง โดยปกติควรเพาะกล้าต้นตอให้เร็วกว่าต้นพันธุ์ดี 4-5 วัน
3. จากนั้นเพาะเมล็ดที่ใช้เป็นยอดพันธุ์ดีในดินที่มีปุ๋ย ควรฆ่าเชื้อในดินด้วยยาป้องกันกำจัดโรคพืช
การควบคุมอุณหภูมิขณะปลูกต้นตอและต้นพันธุ์ดี
- อุณหภูมิก่อนงอก : 28-30 ºC ในเวลากลางวัน และ 20-22 ºC ในตอนกลางคืน
- อุณหภูมิหลังงอก : ควบคุมอุณหภูมิให้ต่ำกว่า 30 ºC ในเวลากลางวัน และอุณหภูมิ 20 ºC ในเวลากลางคืน เพื่อป้องกันไม่ให้ใบเลี้ยงบิดงอ
อายุต้นกล้าที่เหมาะสมสำหรับการเสียบยอด
- ต้นตอ : พื้นที่ใบจริงใบแรก น้อยกว่า 2 × 2 ซม.
- ต้นพันธุ์ดี : ใบเลี้ยงไม่หงิกงอหรือยังคงปิดอยู่
หนึ่งวันก่อนการเสียบยอด ต้นตอและกิ่งพันธุ์ดีควรต้นตอและกิ่งพันธุ์ดีควรได้รับการฆ่าเชื้อด้วยยาป้องกันกำจัดโรคพืช
4. ตัดปลายยอดต้นตอ
5. นำเหล็กปลายแบนหรือไม้จิ้มฟันเสียบเข้าไปกลางยอด
หมายเหตุ : การเสียบยอดควรอยู่ในห้องเย็นและไม่มีแสงแดดจ้า ระวังอย่าทำลายผิวของต้นตอเมื่อทำการเจาะรูบนต้นตอ
6. ตัดกิ่งพันธุ์ดีเฉียง 45o ของมีด และความยาวก้านควรตัดอยู่ที่ประมาณ 0.3 ซม.
7. หลังการเสียบยอด 2 วันแรก ควรนำต้นกล้าเสียบยอดไปไว้ในสถานที่ปิดด้วยแผ่นฟิล์ม ควบคุมความชื้นให้มากกว่า 95% ควบคุมไม่ให้มีแสง และควบคุมอุณหภูมิระหว่างวันให้อยู่ที่ 28 ºC และในเวลากลางคืน 25 ºC 3-6 วันหลังเสียบยอด ให้ไฟอ่อนและระบายอากาศเป็นครั้งคราว หลังจาก 1 สัปดาห์ นำที่พรางแสงออกในตอนเช้า และตอนเย็น
Category: พืชผัก, พืชผัก บ-ม, เทคโนโลยีสมัยใหม่