การผลิตพืชผักใน plant factory 2023
การผลิตพืชผักใน plant factory 2023
การผลิตพืชผักภายใต้แสงเทียม (Plant Factory artificial light : PFAL) เป็นการปลูกพืชในระบบปิดในแนวตั้งได้มากถึง 10 ชั้น ประหยัดพื้นที่การใช้สอย สามารถควบคุมปัจจัยสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น แสง อุณหภูมิ ความชื้น คาร์บอนไดออกไซด์ ธาตุอาหาร (ให้ผ่านทางระบบไฮโดรโปนิกส์) ฯลฯ การผลิตพืชระบบนี้เรียกสั้นๆ ว่า Plant factory เหมาะสำหรับการผลิตผักในสังคมเมืองเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประทานผักที่สด ปลอดจากสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ทำให้ผู้ผลิตลดต้นทุนค่าขนส่ง และมีการจัดการผลผลิตอย่างแม่นยำ
ระบบไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics)
1. ระบบ NFT (Nutrient Film Technique) เป็นการปลูกพืชโดยให้รากสัมผัสกับสารอาหาร โดยสารอาหารจะไหลเป็นแผ่นฟิลม์บางๆ หนา 1-3 มิลลิเมตร และสารละลายธาตุอาหารจะมีการไหลหมุนเวียนกลับมาใช้อีกครั้ง
2. ระบบ DFT (Deep Flow Technique) เป็นการปลูกพืชโดยให้รากสัมผัสกับสารอาหารในน้ำลึก 3-5 เซนติเมตร โดยจะปลูกในราง ในภาชนะ หรือในถาดปลูกก็ได้
3. ระบบ DRFT (Dynamic Root Floating Technique) จะคล้ายกับระบบDFT เป็นการปลูกพืชโดยให้รากสัมผัสกับสารอาหารในน้ำลึก 3-5 เซนติเมตรและอากาศ
ปัจจุบันมีโรงงานผลิตพืชทั่วโลกประมาณ 400 แห่ง ประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้นำของเทคโนโลยีโรงงานผลิตพืช การตลาดสัดส่วนเป็นอันดับ 1 กว่าร้อยละ 20.0 ของมูลค่าตลาดโรงงานผลิตพืชทั่วโลก ซึ่งญี่ปุ่นมีโรงงานผลิตพืช 200 แห่ง ไต้หวัน 100 แห่ง จีน 50 แห่ง สหรัฐอเมริกา 25 แห่ง เกาหลีใต้ 10 แห่ง และสิงคโปร์ 2 แห่ง พืชที่นิยมปลูกคือ ผักกาดหอม ผักโขมญี่ปุ่น มินต์ ใบโหระพา มะเขือเทศ สตรอว์เบอรี่ และดอกไม้ต่างๆ
สำหรับ PFAL ในประเทศไทย ได้แก่ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลร่วมกับมหาวิทยาลัยชิบะ” (MU-CU Collaborative Research and Training Center in Plant Factory) บริษัทอโกร์แลป จำกัด บริษัทวังรี รีสอร์ต บริษัทฟาร์มออนเดอะมูน จำกัด บริษัทไดสตาร์เฟรช จำกัด บริษัทคูโบต้า(ประเทศไทย) จำกัด บริษัทซีวิค มีเดีย จำกัด และบริษัทโนบิทเทอร์ จำกัด บางรายเริ่มมีการนำระบบนี้มาใช้ปลูกกัญชาเพื่อให้ได้สารสำคัญสูง
การตลาดในประเทศไทยพืชที่นิยมปลูกได้แก่ ผักสลัดชนิดต่างๆ เคล และผักชี เริ่มมีการขายออนไลน์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือตามร้านอาหารที่มีส่วนประกอบของผักใน plant factory โรงงานผลิตพืชมีต้นทุนสูงอยู่ที่ประมาณ 6 ล้านบาท (ขนาด 20*10 ตร.ม.) หากมีการทำที่แพร่หลายมากขึ้นจะมีต้นทุนถูกลง ต้นทุนการผลิตผักกาดหอมในระบบ PFAL ของญี่ปุ่น ได้แก่ ค่าเมล็ดพันธุ์ 2 % ค่าเสื่อมสภาพ 26% ค่าบุคลากร 21% ค่าไฟฟ้า 18% ค่าขนส่ง 5% ค่าวัสดุสิ้นเปลือง 6% อื่นๆ 11% (ไม่รวมค่าโฆษณา และที่ดิน) กำไร 11%
ราคาผักสลัดตัดแต่งไม่มีราก 100 กรัม ราคา 60-65 บาท เคล 150 กรัม ราคา 119 บาท (ช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา โดยสั่งผ่านออนไลน์)
ผักสลัด |
ระยะเวลาการเก็บเกี่ยว |
กรีนโอ๊ค |
35-40 วัน |
เรดโอ๊ค |
35-40 วัน |
เรดคอรัล |
35-40 วัน |
ฟิลเลย์ไอซ์เบิก |
35-40 วัน |
บัตเตอร์เฮด |
35-40 วัน |
คอส |
35-40 วัน |
การผลิตพืชผักภายใต้แสงเทียม (Plant Factory artificial light : PFAL) |
|
ข้อดี |
ข้อเสีย |
- ผลิตพืชอย่างต่อเนื่องตลอดการเพาะปลูกตลอดปี ไม่ขึ้นกับฤดูกาล | - ต้นทุนสูงในการผลิตพืช เช่น ค่าไฟฟ้า |
- ไม่มีศัตรูพืช เช่น โรค แมลง มารบกวนทำให้ไม่ต้องใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช | - การดูแลอุปกรณ์การผลิตเช่น แอร์ ระบบ IOT ต้องมีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาแก้ไข |
- ใช้พื้นที่น้อยในการผลิต เนื่องจากเป็นการปลูกพืชแนวตั้ง ซ้อนกันเป็นชั้นๆ ได้ถึง 10 ชั้น | |
- อายุการเก็บรักษา พืชที่ปลูกใน PFAL จะมีอายุหลังการเก็บเกี่ยวนานขึ้น |
มุมมองนักวิจัย
การผลิตพืชในระบบ PFAL จะต้องมีการพัฒนาไปสู่จุดที่ใช้ทรัพยากรวัตถุดิบในการผลิตน้อยที่สุด ให้ผลผลิตมากและมีคุณภาพสูงสุด ลดการทิ้งของเสีย สามารถที่จะทำเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เพิ่มรสชาด ปลอดภัยจากสารพิษตกค้าง และสันทนาการในครอบครัว ผลผลิตที่ได้จากระบบการปลูก plant factory คือ อาหาร อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ อาหารและเครื่องดื่ม ยารักษาโรค ต้นกล้าอ่อน พืชยอดอ่อน ทดแทนพืชที่ออกตามฤดูกาล พืชอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงอากาศ พืช GMO การผลิตเมล็ดพันธุ์ การผลิตพืชมูลค่าสูง การผลิตต้นพันธุ์ปลอดโรค การปรับปรุงพันธุ์พืช พืชที่อ่อนแอต่อโรค ช่วยสร้างตลาดใหม่ๆ ให้กับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
Category: plant factory