แตงโม
แตงโม
ชื่อวิทยาศาสตร์ Citrullus lanatus(Thunb.)Mats. & Nakai
ชื่อวงศ์ Cucurbitaceae
ชื่อสามัญ Water melon
ชื่ออื่นๆ แตงจีน มะเต้า
1.พันธุ์แบ่งได้ 3 กลุ่มใหญ่ๆคือ
1.1 พันธุ์ธรรมดาเช่น พันธุ์ซูก้าเบบี้, ซาลสตัน เกรย์, เยลโล เบบี้ ไฮบริด
1.2 พันธุ์ไม่มีเมล็ดเช่น เฟาซานเบอร์ 1 ไฮบริด, ซี้ดเลส เยลโล ไฮบริด, ฟาร์มเมอร์ วันเดอร์ฟูล ไฮบริด
1.3 พันธุ์เมล็ดเช่น เรดโคท ไฮบริด, วานลี เอฟ 2 ไฮบริด
2. การเตรียมดินควรไถดินตากประมาณ 10 วันใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักอัตรา 2-3 ตันต่อไร่พรวนดินให้เข้ากันทำการเตรียมร่องได้ 2 แบบ คือถ้าปลูกแบบแถวเดี่ยวก็ปลูกแบบผืนใหญ่เลย ส่วนการปลูกแบบแถวคู่เตรียมโดยการยกร่องกว้าง 4-5 เมตรยาวแล้วแต่พื้นที่ โดยมีร่องนํ้าสำหรับปล่อยนํ้าไว้ตักรดต้นแตงโม
3. การปลูกการปลูกแบบเดี่ยวหรือผืนใหญ่ใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 180 เซนติเมตร และระหว่างแถว 180 เซนติเมตร ส่วนการปลูกแบบแถวคู่ใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 60-90 เซนติเมตรและระยะระหว่างแถว 200-300 เซนติเมตร ใช้ฟางข้าวคลุมรดนํ้าให้ชุ่มในจุดที่ปลูก
4. การให้นํ้าโดยการตักรดหรือใช้แครงวักสาดอย่าให้ไกล้โคนต้นเกินไปเพราะนํ้าอาจไปกระแทกถูกต้นทำให้ชํ้า
หักได้โดยพิจารณาให้นํ้าทุกๆวัน ค่าการระเหยเฉลี่ย 5.0 มิลลิเมตร ค่า ET/E0 (KP) 1.05 น้ำใช้ของพืชต่อวัน 5.3 มม. น้ำที่ใช้ตลอดอายุพืช 410 มม. และใช้น้ำ 655 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ ที่ความลึก 1.5 มม.
5. การจัดเถาแตงโมมีเถายาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร ควรจัดให้เถาว์เลื้อยไปทางเดียวกันเพื่อไม่ให้เถาว์พันกัน ทับกันจนแน่นยากแก่การผสมเกสรของแมลงและควรริดแขนงส่วนที่เกินหรือไม่จำเป็นทิ้งเพื่อให้ได้ผลที่มีขนาดสมบูรณ์
6. การใส่ปุ๋ยใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 อัตรา 100 กิโลกรรมต่อไร่โดยแบ่งใส่ 3 ครั้ง ครั้งแรกรองก้นหลุมครั้งที่ 2 เมื่อแตงโมทอดยอ ดยาวประมาณ 30 เซนติเมตรแล้วพรวนดินกลบด้วยและครั้งที่ 3 เมื่อแตงโมทอดยอดยาวประมาณ 90 เซนติเมตร
7. การเก็บเกี่ยวเมื่อแตงโมอายุได้ 75-120 วันตามลักษณะของพันธุ์ สังเกตุที่ขั้วของแตงโมเริ่มเหี่ยวยุบลง ผิวแตงกร้าน ไม่สด มือเกาะไกล้ขั้วจะแห้ง ดีดหรือตบเบาๆจะมีเสียงผสมระหว่างกังวานและเสียงทึบแสดงว่าแก่พอดี ถ้าเสียงกังวานเพียงอย่างเดียวแสดงว่าแตงโมอ่อนหรือถ้าเสียงทึบเพียงอย่างเดียวแสดงว่าแตงโมแก่เกินไป ไส้ล้ม
8. โรคได้แก่โรครานํ้าค้าง โรคราแป้ง โรคเหี่ยวตาย โรคใบด่าง โรคใบจุด โรคเถาแตก โรคเถาเหี่ยว ป้องกันกำจัดโดยการฉีดพ่น มาเน็บ ซีเน็บ เบนโนมิล แมนโคเซป คาร์เบนดาซิมและโบแรกซ์ตัวไดตัวหนึ่งตามอาการของโรคและควรพ่นสารเคมีฆ่าแมลงที่เป็นพาหะนำโรคด้วย
8.1 โรคปลายผลเน่าเกิดจากขาดธาตุแคลเซียมโรคปลายผลเน่าแห้งสีดำ(Blossomend rot) โรคปลายผลเน่าเป็นโรคที่ทำความเสียหายมากกับแตงโม โดยเฉพาะพันธุ์ชาร์ลสตันเกรย์ ซึ่งปลูกไม่แพร่หลายนัก เพราะพันธุ์นี้มีขนาดใหญ่มากไม่เป็นที่นิยมของผู้ซื้อ แต่ก็มีข้อดีที่เก็บได้นานกว่าแตงพันธุ์ชูก้าเบบี้ ซึ่งนิยมปลูกกันมากในปัจจุบัน พันธุ์ชูก้าเบบี้เก็บไม่ได้นานเท่าชาร์ลสตันเกรย์ก็จริงแต่เนื่องจากไม่เป็นโรคนี้และมีขนาดกำลังดี จึงนิยมปลูกกันมาก นอกจากแตงโมแล้ว แตงร้านและแตงกวาก็ปรากฎว่าเป็นโรคนี้บ้างเล็กน้อย โรคนี้เกิดจากการขาดธาตุแคลเซียมและเกี่ยวกับการดูดซึมน้ำของรากแตงโมด้วย สาเหตุทั้งสองมีความสัมพันธ์กันมาก เพราะธาตุแคลเซียมจะช่วยให้การดูดซึมที่รากดีขึ้นด้วย แตงโม คงต้องการธาตุนี้มากกว่าพืชอื่น ๆ ในตระกูลเดียวกัน
ลักษณะอาการของโรคอาการเหี่ยวเริ่มจากปลายผลเข้ามาต่อมาเนื้อเยื่อจะแห้งแข็งเป็นสีน้ำตาบ เนื่อเยื่อจะยุบเข้าไปและมักจะมีเชื้อราอื่น ๆ มาขึ้นบนเนื้อเยื่อที่ตายแล้วทำให้เกิดอาการเน่าขึ้นภายหลัง
การป้องกันกำจัดการปลูกแตงโมควรใช้ปูนขาวใส่ลงในดินสัก 100-150 กิโลกรัมต่อไร่ หรือจะใช้ฉีดพ่นด้วยธาตุแคลเซียม เช่น แคลเซียมคลอไรด์ 0.2 % และควรให้น้ำสม่ำเสมอหรือต้องปลูกในที่ ๆ มีน้ำในระดับที่แตงโมจะดูดซึมได้สม่ำเสมอตลอดเวลา
8.2 โรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
1. โรคเหี่ยวเฉาเกิดจากแบคทีเรีย(Bacterial wilt) แตงกวาเป็นโรคนี้มากกว่าอย่างอื่น และแตงโมมีความทนทานต่อโรคนี้สูงมากจนเกือบจะไม่พบโรคนี้เลย ถ้ามีโรคนี้ระบาดจะเสียหายเพราะแตงจะเหี่ยวภายในเวลาอันรวดเร็วโรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งแพร่ระบาดโดยแมลงศัตรูพืช
ลักษณะอาการของโรคอาการเกิดที่ใบโดยแสดงอาการเหี่ยวเป็นบางใบก่อน อาการเหี่ยวลามไปที่ขั้วใบและเถาแตง ทำให้เถาแตงเหี่ยวตายทั้งต้นในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อเหี่ยวมาก ๆ ผลจะเหี่ยวแห้งแล้วต้นพืชจะตาย การตรวจโรคนี้ใช้วิธีตัดลำต้นที่เป็นโรคตามขวางเพื่อดูเชื้อบักเตรีซึ่งมีลักษณะเป็นของเหลวขุ่นข้นสีเหมือนสีน้ำนม ออกมาจากรอยตัด บางครั้งไม่พบของเหลวดังกล่าวควรนำไปแช่ในน้ำที่สะอาดถ้าพบของเหลวดังกล่าวไหลออกมาทำให้น้ำขุ่นกว่าเดิมก็แสดงว่าพืชนั้นมีแบคทีเรียในเนื้อเยื่อพืชก็ต้องนำมาทำการเพาะเลี้ยงเชื้อหาเชื้อบริสุทธิ์การป้องกันกำจัดถอนต้นที่เป็นโรคไปทำลายเสีย กำจัดแมลงที่อาจนำเชื้อโรค
2. โรคใบจุดโรคใบจุดของผักตระกูลแตงที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย มีเชื้อแบคทีเรียเป็นสาเหตุอยู่ 2 ชนิด
ก. โรคใบจุดเกิดจากแบคทีเรีย (Angular leaf spot, Bacterial spot jor Blight) แตงแคนตาลูป แตงโม เป็นโรคนี้มากกว่าอย่างอื่น ส่วนแตงกวา น้ำเต้า มีความคงทนต่อโรคนี้ต่างกันโรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Pseudomonas lachrymans (E.F. Smith and Bryan) Carsner
ลักษณะอาการของโรคอาการเริ่มแรกจะเป็นเป็นจุดฉ่ำน้ำ ขนาดแผลไม่แน่นอน ในที่ ๆ มีอากาศชื้นอาจพบเชื้อแบคทีเรียดูดออกมาที่แผล เมื่อแผลแห้งจุดของแผลจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและใบจะแห้งร่วงไปในที่สุด อาการของโรคเป็นเฉพาะที่ เช่น ที่กิ่ง ใบ ผล แต่แผลที่ผลมีขนาดเล็กกว่า ถ้าเป็นมาก ๆ ผลจะร่วงการป้องกันกำจัดเนื่องจากเชื้อแบคทีเรียอาศัยอยู่ในเศษซากพืชและอยู่ในเมล็ด การป้องกันจึงควรแช่เมล็ดพันธุ์ด้วยน้ำร้อน ประมาณ 55 องศาเซลเซียส นาน 10 นาที ก่อนปลูก หรือปลูกพืชหมุนเวียน 3 ปี ควรทำลายเศษซากพืชเสียก่อนปลูกพืชและใช้ยาฆ่าแมลงที่อาจนำเชื้อโรคมาสู่ต้นพืช
ข. โรคใบจุด(Bacterial leaf-spot) พืชที่เป็นโรคนี้ได้แก่ แตงกวา ฟักทอง แตงโม น้ำเต้า
ลักษณะอาการของโรคโรคใบจุดนี้มีอาการเหมือนกับชนิดแรกต่างกันพบโรคเฉพาะที่ใบไม่เป็นที่ผลโรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Xanthomonas cucurbitaeการป้องกันกำจัดใช้วิธีการป้องกันกำจัดเหมือนชนิดแรก
โรคที่เกิดจากเชื้อรา
1. โรคราน้ำค้าง(Downy mildew) โรคราน้ำค้างจัดว่าเป็นโรคที่สำคัญของแตงโมทุกพันธุ์รวมทั้งพืชในตระกูลนี้อีกหลายชนิดเช่น แตงกวา แตงร้าน มะระ ฯลฯ ส่วนพวกตำลึง บวบ ฟักทอง ฟักข้าว ไม่ค่อยพบโรคนี้ระบาดโรคนี้เกิดจากเชื้อรา Pseudoperonospora cubensis ซึ่งเป็นเชื้อราที่แพร่ระบาดไปในอากาศ
ลักษณะอาการของโรคใบแตงโมมีแผลสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลอ่อนประปรายทั่วใบ ทำให้ใบแห้งและเหี่ยวอาการจะปรากฎบนใบแก่โคนเถาก่อน โรคระบาดรวดเร็วมากจะทำให้เถาแตงเหี่ยวตายหมดทั้งเถาได้ในเวลาที่อากาศชื้น ด้านท้องใบจะมีกระจุกของราสีขาวหม่นขึ้นบนแผลคล้ายผงแป้ง โรคมักจะระบาดรุนแรงและรวดเร็ว เมื่อแตงกำลังให้ผล ทำให้เถาแตงตายไปก่อนที่แตงโมจะสุก
การป้องกันกำจัด
1. คลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยเอพรอน 35 อัตราส่วนยา 1-2 ซองต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กก.
2. ใช้ยาริตโตมิล เอ็มเซต 72, วามีน, ชนิดใดชนิดหนึ่งฉีดพ่น 5-7 วันต่อครั้ง
2. โรคราแป้งโรคราแป้งจัดว่าเป็นโรคที่ทำความเสียหายมากอีกโรคหนึ่งของแตงโมทุกพันธุ์และพืชในตระกูลนี้เกือบทุกชนิดเป็นโรคนี้ได้ง่ายโรคราแป้งเกิดจากเชื้อรา Oidium sp. ซึ่งสร้างสปอร์สีขาวคล้ายผงแป้งจับเคลือบอยู่บนใบและหลุดปลิวแพร่ระบาดไปในอากาศได้ง่าย
ลักษณะอาการของโรคใบมีราสีขาวจับคล้ายผงแป้งโดยเฉพาะด้านบนใบและตามผล เมื่อเชื้อราเริ่มจับใบใหม่ ๆ มีลักษณะเป็นวงกลมสีขาวซึ่งจะขยายออกไปจนคลุมเต็มผิวใบทำให้ใบแห้งกรอบเป็นสีน้ำตาลอาการใบแห้งจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและทำให้ใบแห้งหมดทั้งเถาได้ เถาแตงโมจะทรุดโทรมเร็ว
การป้องกันกำจัด
1. ควรฉีดพ่นยาป้องกันกำจัดเชื้อรานี้โดยใช้ยากำมะถันผงชนิดละลายน้ำได้ในอัตรา 30-40 กรัม ต่อน้ำ 1 ปี๊บ
2. ใช้ยาคาราเทนหรือมิลเด็กซ์
หมายเหตุอัตราส่วนตามข้างสลากการฉีดพ่นยาดังกล่าวต้องฉีดพ่นในเวลาที่ไม่มีแสงแดดหรืออากาศร้อนจัด และใช้ความเข้มข้นต่ำไว้ก่อนจะไม่ทำให้เกิดอาการใบไหม้ ยาชนิดอื่นไม่ให้ผลดีเท่ายาที่กล่าวมาแล้ว
3. โรคแอนแทรกโนส(Anthracnose)โรคนี้เกิดจากเชื้อรา Colletotrichum lagenarium แตงโมทุกพันธุ์เป็นโรคนี้และจัดว่าเป็นโรคที่ระบาดทั่วไป โรคนี้ไม่ทำให้เนื้อใบเสียแต่ทำให้แตงโม มีรสหวานน้อยลงและมีสีอ่อนกว่าปกติ ยกเว้นแตงแคนตาลูป ซึ่งมีแผลใหญ่และผลเน่าอย่างรวดเร็วและเสียหายมากกว่าแตงพันธุ์อื่น ๆ
ลักษณะอาการของโรคโรคนี้ทำให้เกิดจุดหรือแผลนูนเล็ก ๆ สีน้ำตาบประปรายทั่วไป แผลดังกล่าวนี้เกิดบนผลแตงโม ทำให้ผลแตงโมมีผิวขรุขระ พันธุ์ที่ไม่มีความต้านทาน แผลจะขยายใหญ่ขึ้นและเนื้อเยื่อตรงกลางแผลจะยุบต่ำลงไปจากระดับเดิมเล็กน้อย ตรงกลางแผลมีเชื้อราเป็นหยดเยิ้มสีชมพูอ่อน เรียงเป็นวงกลมซ้อนกันหลายชั้นตามขนาดของแผลที่ขยายใหญ่ขึ้น เช่น แผลบนแตงแคนตาลูป
การป้องกันกำจัดฉีดพ่นยาป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น เบนเลท,เดอโรซาน,ไดโฟลาแทน หรือซินโคโฟล ชนิดใดชนิดหนึ่ง อัตราตามข้างสลากทุก ๆ 5-7 วัน เมื่อเริ่มพบโรคระบาดและเก็บผลที่เป็นโรคทิ้ง เพื่อทำให้มีเชื้อแพร่ระบาดมากขึ้น ยาป้องกันกำจัดเชื้อราเกือบทุกชนิดให้ผลในการป้องกันกำจัดใกล้เคียงกัน การใส่ปุ๋ยอินทรีย์และกากพืชจำนวนมากมีผลทำให้โรคลดน้อยลงได้มาก
4. โรคเหี่ยว(Fusarium wilts)เกิดจากเชื้อรา Fusarium spp. ซึ่งเป็นเชื้อราที่ชอบอาศัยอยู่ในดินที่เป็นทรายมากและเป็นดินกรด ดินที่ปลูกแตงติดต่อกันหลายปีมักจะมีโรคนี้ระบาดมาก แตงโม แตงกวา แตงร้าน แคนตาลูป เป็นโรคนี้ทั่วไปทุกแห่ง พืชอื่น ๆ ในตระกูลเดียวกันนี้มีความต้านทานและคงทนต่อโรคสูง จึงไม่ใครพบโรคนี้ ความเสียหายเกิดขึ้นมากน้อยแล้วแต่จำนวนต้นที่เหี่ยวตาย แต่จัดว่าเป็นโรคที่สำคัญโรคหนึ่งซึ่งเป็นมากในระยะที่แตงกำลังตกผล ซึ่งอาจจะทำให้ต้นเหี่ยวตายไปก่อนที่จะเก็บผล
ลักษณะอาการของโรคใบแก่ที่อยู่ที่โคนเถาแตงจะเริ่มเหลืองและเหี่ยวตายก่อนแล้วลามไปจนถึงปลายเถาบางต้นมีลำต้นแตกช้ำ แตงมักจะเริ่มเหี่ยวจากแขนงใดแขนงหนึ่งก่อน แล้วจะแห้งตายหมดทั้งเถาในเวลาต่อมา
การป้องกันกำจัด
1. ควรปรับดินด้วยปูนขาวประมาณ 100-150 กก. ต่อไร่ และเมื่อจะปลูกซ้ำ ที่ควรจะใส่ปุ๋ยอินทรีย์ให้มากหลังจากการใส่ปูนขาวจะช่วยทำให้โรคนี้ลดน้อยลง ถ้าปุ๋ยอินทรีย์จำพวกปุ๋ยคอกหรือมูลสัตว์หายากก็ควรพิจารณาปลูกพืชตระกูลถั่วแซมหรือสลับแล้วไถกลบต้นถั่วให้เป็นปุ๋ยพืชสดหรือกากพืชลงไปในดิน และไม่ควรปลูกแตงซ้ำที่เกินกว่า 3 ปี
2. ใช้ยาเทอราโซล หรือเทอราคอลซุปเปอร์เอ็กซ์ อัตราส่วนตามข้างสลากรดโคนต้นให้ชุ่ม
หมายเหตุการใส่ปุ๋ยวิทยาศาสตร์มากจะทำให้เป็นโรคนี้มากขึ้น ควรใส่แต่น้อยแต่ใส่หลาย ๆ ครั้ง
5. โรคใบจุดแตงมีโรคใบจุดเกิดจากเชื้อราต่างกันหลายชนิด มีอาการคล้ายคลึงกัน การระบาดของโรคไม่รุนแรงเหมือนโรคอื่น ๆ โรคใบจุดของแตงมีดังต่อไปนี้
5.1 โรคใบจุดของแตงเกิดจากเชื้อออเทอนาเรีย(Alternaria)โรคนี้เกิดจากเชื้อรา Alternaria cucumerina (Ellis and Everhart Elliott)
ลักษณะอาการของโรคจุดแผลจะฉ่ำน้ำ มีสีเหลือง และสีของแผลจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล หรือเทากลาง ๆแผลมีสีดำ เมื่อแผลมีขนาดใหญ่ แผลจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มและพบเชื้อราขึ้นเรียงเป็นวงแหวนกลาง ๆ แผลอาจฉีกขาด ผลของต้นที่เป็นโรคมักจะสุกก่อนกำหนด และอาจพบแผลที่ผลและที่ลำต้น
การป้องกันกำจัดเนื่องจากเชื้อราอาศัยอยู่ในเศษซากพืช การป้องกันกำจัดจึงควรทำดังนี้ ทำลายเศษซากพืชที่เป็นโรค ใช้เมล็ดที่ปราศจากโรค คลุกยาคลุกเมล็ด เช่น ไดเทนเอ็ม 45 ชนิดสีแดงเสียก่อนปลูก ปลูกพืชหมุนเวียน 3 ปี ใช้ยาพวกเดอโรซาน, ไดเท็นเอ็ม45, ไดโฟลาแทน หรือซินโคโฟลฉีดพ่น
5.2 โรคใบจุดเกิดจากเชื้อราเซอคอสปอราโรคนี้เกิดจากเชื้อรา Cercospora citrullina Cook
ลักษณะอาการของโรคจุดของแผลมีขนาดเล็กเป็นรูปกลมหรือเหลี่ยมมีสีน้ำตาล กลาง ๆ จุด มีสีขาวหรือน้ำตาลอ่อนขอบของแผลมีสีม่วง หรือน้ำตาลอ่อน ส่วนมากเกิดด้านใบการป้องกันกำจัดใช้วิธีเดียวกับโรคที่เกิดจากเชื้อออเทอนาเรีย
6. โรคใบแห้ง(Corynespora blight) แตงกวาเป็นโรคได้ง่ายโรคนี้เกิดจากเชื้อรา Corynespora melonia (Cooke) Lindan
ลักษณะอาการของโรคลักษณะของแผลที่ใบจะกลมหรือเหลี่ยมมีสีน้ำตาล กลาง ๆ แผลมีสีเขียวหรือเหลือง เมื่อมีแผลมากและแผลมีขนาดใหญ่ขึ้น ใบจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและแห้งตาย แผลบนกิ่งก้าน มีลักษณะยาวตามส่วนของพืช ผลที่ถูกเชื้อเข้าทำลายมักจะเป็นผลที่แก่และผลที่มีสีเหลือง ใบหรือผลอ่อนที่มีสีเขียวเชื้อราชนิดนี้จะไม่เข้าทำลาย
การป้องกันกำจัด
1. ทำลายเศษซากพืชที่เป็นโรคและเศษซากพืชหลังเก็บเกี่ยว
2. ใช้ยาเบนเลท ไดเทนเอ็ม 45 หรือ ไดโฟลาแทน ชนิดใดชนิดหนึ่งในการป้องกันกำจัดแต่จากการทดลองพบว่ายาเบนเลทใช้ได้ผลดี
7. โรคดอกเน่า(Choanephora wet-rot) พืชที่เป็นโรคนี้ได้แก่ น้ำเต้า ฟักทอง และพืชอื่น ๆโรคนี้เกิดจากเชื้อรา Choanephora cucurbitarum
ลักษณะอาการของโรคบริเวณที่เป็นโรคจะเป็นจุดสีดำขนาดเท่าหัวเข็มหมุด ฉ่ำน้ำและเน่าเละมักเป็นโรคบริเวณยอดอ่อน ๆ และยอดที่กำลังมีดอกโดยยอดจะมีสีซีดกว่ายอดปกติ ต่อมายอดและผลอ่อนจะแห้ง ส่วนมากจะพบโรคนี้ในเวลาที่มีฝนตากชุกและมีน้ำค้างหรือหมอกลงจัด
การป้องกันกำจัดใช้ยาซาพรอล หรือไดโฟลาแทน อัตราส่วนตามข้างสลาก ฉีดพ่นทุก ๆ 5-7 วัน
8. โรคผลเน่าโรคผลเน่าที่พบมากเกิดจากเชื้อรา 2 ชนิด และเป็นมากกับแตงโมและแตงกวา
8.1 โรคผลเน่าเกิดจากเชื้อพิเทียม(Pythium Fruit rot)เกิดจากเชื้อรา Pythium spp.
ลักษณะอาการของโรคจะพบโรคนี้ทั้งที่ผลและที่ราก อาการที่ผลจะเน่าและมักพบเส้นใยสีขาวของเชื้อราปกคลุมอยู่ที่ผิวของผล ถ้าเกิดที่รากจะทำให้รากเน่า การปัองกันกำจัดใช้ยาริดโดมิล เอ็มแซด 72 หรือไดโฟลาแทนหรือซาพรอล อัตราส่วนตามข้างสลาก ฉีดพ่นทุก ๆ 5-7 วัน
8.2 โรคผลเน่าเกิดจากเชื้อดิพโพเดีย(Diplodia fruit rot) แตงโมเป็นโรคนี้ได้มากที่สุด นอกจากนี้มีแตงกวา และแคนตาลูปเกิดจากเชื้อรา (Diplodia gossypina coke)
ลักษณะอาการของโรคเมื่อกดดูบริเวณขั้วของแตงโมที่เป็นโรคจะบุ๋ม เชื้อราจะเข้าบริเวณขั้วก่อนเนื้อเยื่อที่ติดกับขั้วจะเน่าและฉ่ำน้ำ อาการเน่าเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อเป็นมาก ๆ ผลแตงจะมีสีดำ ถ้าอากาศชื้น ๆ จะพบเชื้อราสีเทา คลุมอยู่ที่ผล ถ้าพบเป็นโรคในผลที่ยังอ่อนเชื้อราจะเข้ามาบริเวณปลายผล มีอาการเหมือนบริเวณที่ขั้วของผลแตงโมที่ถูกเชื้อชนิดนี้เข้าทำลาย โดยมีสีอ่อนกว่าบริเวณที่ไม่ถูกเชื้อเข้าทำลาย เมื่อแผลมีขนาดใหญ่สีของแผลจะเข้ม พบเชื้อราบริเวณผิวแตงเห็นได้ชัดเจน ต่อมาผิวแตงจะแห้ง เชื้อราชนิดนี้ทำให้เกิดอาการผลเน่าได้เช่นเดียวกับเชื้อราชนิดแรกที่กล่าวมาแล้วการป้องกันกำจัด ฉีดพ่นยาป้องกันกำจัดเชื้อรา
9. โรครากปมการปลูกแตงโมในที่บางแห่งมีปัญหาโรครากปมระบาดมาก โรคนี้ไม่ทำให้เถาแตงโมตายแต่ก็ทำให้แตงแคระแกรนไม่ใคร่เจริญเติบโต ทำให้ผลผลิตตกต่ำ เกิดจากไส้เดือนฝอยชนิดหนึ่ง Meloidogyne spp. ซึ่งตัวเมียจะไชเข้าไปอาศัยอยู่ในราก ทำให้รากบวมโตเป็นปมและแย่งอาหารจากราก
ลักษณะอาการของโรคยอดแตงแสดงอาการชูตั้งชันและไม่เจริญยืดยาวออกไป ในเวลากลางวันที่มีอากาศร้อน เถาแตงจะแสดงอาการเหี่ยวและฟื้นเป็นปกติในเวลากลางคืนอีก ถ้าถอนต้นแตงตรวจดูจะพบรากบวมเป็นปมขนาดต่าง ๆ กัน ไม่มีรากฝอยซึ่งเป็นสาเหตุให้การดูดอาหารและน้ำที่รากไม่เป็นปกติเกิดการอุดตันขึ้นเพราะเชื้อโรคเข้าไปอาศัยอยู่และไปกระตุ้นให้เซลส์ของรากโตและมีระบบเนื้อเยื่อรากผิดปกติไป
การป้องกันกำจัด
1. ใช้ยาฟูราดาน อัตรา 3 กรัม รองก้นหลุมเมื่อปลูก
2. ควรใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอกและกากพืชเพื่อปรับปรุงดินจะช่วยลดปริมาณการเป็นโรคลง โดยเฉพาะการปลูกในดินร่วนปนทราย
3. ถอนต้นพืชที่เป็นโรคทิ้งเพื่อกำจัดไข่ตัวเมียที่จะแพร่ระบาดในแปลง
หมายเหตุในดินเหนียวและดินที่มีอินทรีย์วัตถุมาก ๆ ไม่ค่อยเป็นโรคนี้
10. โรคยอดหงิกใบด่างโรคยอดหงิกใบด่างของแตงโมและพืชอื่น ๆ เกิดจากเชื้อวิสาซึ่งมีศัตรูจำพวกปากดูดเป็นตัวนำเชื้อโรคให้แพร่ระบาดติดต่อกัน จัดว่าเป็นโรคที่สำคัญอีกโรคหนึ่ง ทำความเสียหายมากเพราะจะทำให้ต้นที่เป็นโรคไม่ผลิดอกออกผล หรือมีผลเล็กผิดปกติ
ลักษณะอาการของโรคพืชจะแสดงอาการใบมีสีเขียวและเหลืองด่างลายประปรายทั่วใบและเนื้อใบหยักเป็นคลื่น ใบเล็กลง ยอดตั้งชันและชงักการเจริญเติบโต ยอดหก ไม่ผลิดอกออกผลต่อไป
สาเหตุของโรคโรคนี้เกิดจากเชื้อวิสาที่มีศัตรูจำพวกปากดูดเช่น แมลงหวี่ขาว เพลี้ยไฟและเพลี้ยอ่อนเป็นพาหะนำโรคจากต้นที่เป็นโรคติดต่อไปยังต้นดีได้ง่าย เชื้อวิสาของแตงโมมีหลายชนิดซึ่งทำให้เกิดอาการใกล้เคียงกัน
การป้องกันกำจัดเนื่องจากมีศัตรูพืชเป็นตัวนำโรคจึงต้องป้องกันมิให้มีศัตรูดังกล่าวระบาดโดยการฉีดพ่นยาฆ่าแมลงประเภทดูดซึม เช่น แลนเนท และเซวิน กำจัดพวกเพลี้ยไฟและเพลี้ยอ่อน และถอนทำลายต้นที่แสดงอาการเป็นโรคออกไปจากไร่ จะช่วยลดโรคนี้หรือป้องกันโรคนี้ได้
9. แมลงได้แก่ เต่าแตง เพลี้ยไฟแตงโม แมลงวันแตง แมลงวันทอง หนอนกระทู้ หนอนผีเสื้อเจาะผลแตงโมป้องกันกำจัดโดยการฉีดพ่น เซฟวิน ไซเปอร์เมทริน อะบาเม็กติน คาร์โบซัลแฟนตัวใดตัวหนึ่งตามการระบาดของแมลงศัตรู
By สัจจะ ประสงค์ทรัพย์ (Satja Prasongsap)
Professional Research Scientist
Horticulture Research Institute
E-mail : herbdoa@gmail.com
Category: พืชผัก, พืชผัก ด-น